เหยียบเบรกอย่างไรให้ปลอดภัย ?

เข้าใจการเหยียบเบรกให้ "หยุด" จริง บนถนนจริง

แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเบรกไว้เพื่อหยุดรถยนต์ แต่ในสถานการณ์จริงบนท้องถนน ยังมีปัจจัยอีกมากมายที่ส่งผลต่อการเบรกให้ปลอดภัย

ลองเช็คตัวเองดูว่ามีนิสัยการเบรกแบบไหน

1. เหยียบเบรกกะทันหัน: อันตราย! เสี่ยงต่อการเสียหลัก ล้อล็อก และอาจเกิดอุบัติเหตุ
2. ปล่อยครัชเร็ว: เกียร์ยังไม่เข้า แต่ปล่อยครัช ทำให้รถไหล ต้องเหยียบเบรกบ่อย เสี่ยงต่อผ้าเบรคสึกเร็ว
3. เบรกไม่สม่ำเสมอ: เหยียบเบรก ๆ ปล่อย ๆ ทำให้รถกระชาก เสียการทรงตัว ผู้โดยสารไม่สบาย
4. ไม่เผื่อระยะเบรก: ประเมินระยะห่างจากคันหน้าผิดพลาด เบรกไม่ทัน อันตรายถึงชีวิต

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเบรกให้ปลอดภัย ดังนี้

1. ลดความเร็ว: เมื่อต้องการหยุดรถ เริ่มจากปล่อยคันเร่ง ชะลอความเร็วด้วยเกียร์ก่อน
2. เหยียบเบรก: เหยียบเบรกอย่างนิ่มนวล เริ่มจากเบรกเบา ๆ ค่อย ๆ เพิ่มแรงกด
3. ดูระยะ: เผื่อระยะเบรกให้เพียงพอ ประเมินจากความเร็ว สภาพถนน สภาพอากาศ
4. เหยียบเบรกจนหยุด: เหยียบเบรกจนรถหยุดสนิท ไม่ปล่อยคันเร่งค้างไว้

เพิ่มเติม

1. ฝึกเบรก: ฝึกเบรกในพื้นที่ปลอดภัยเพื่อฝึกการกะระยะและควบคุมแรงเบรก
2. ตรวจสอบเบรก: ตรวจเช็คสภาพเบรก ผ้าเบรค ระดับน้ำมันเบรค อยู่เสมอ
3. เรียนรู้เทคนิคการเบรก: ศึกษาเทคนิคการเบรกฉุกเฉิน เบรกบนถนนลื่น ฯลฯ

จำไว้ว่า การเบรกที่ดี ช่วยให้ขับขี่ปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ

ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เหยียบเบรกอย่างถูกวิธี เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและผู้ร่วมทาง

เหยียบเบรกอย่างไรให้ปลอดภัย

1. ไม่ควรจี้รถคันหน้าจนเกินไป ผู้ขับขี่ควรเผื่อระยะเบรกโดยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าให้เหมาะสม ซึ่งควรเผื่อไว้ในกรณีรถคันหน้าเบรกฉุกเฉิน โดยแต่ละความเร็วจะใช้ระยะเบรกต่างกัน ดังนี้

1. ความเร็ว 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้ระยะเบรกจนรถหยุดประมาณ 18 เมตร
2. ความเร็ว 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้ระยะเบรกจนรถหยุดประมาณ 34 เมตร
3. ความเร็ว 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้ระยะเบรกจนรถหยุดประมาณ 54 เมตร
4. ความเร็ว 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้ระยะเบรกจนรถหยุดประมาณ 66 เมตร
5. ความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้ระยะเบรกจนรถหยุดประมาณ 80 เมตร

ทั้งนี้ หากสภาพถนนมีความลื่น เช่น ถนนเปียก ควรเพิ่มระยะเบรกเผื่อไว้มากขึ้น

2. พยายามสังเกตสภาพการจราจร ในระยะไกลข้างหน้าเพื่อจะได้เตรียมตัวลดความเร็วหรือตัดสินใจเหยียบเบรกล่วงหน้าได้ทันท่วงทีโดยไม่ต้องรอให้จวนตัวหรือเบรกไม่ทัน

3. หลีกเลี่ยงการเบรกอย่างกระชั้นชิดโดยไม่จำเป็น และควรเบรกล่วงหน้าสักเล็กน้อยเพื่อเตือนรถคันหลังให้ทราบ ป้องกันการโดนชนท้าย 

4. ไม่ควรเบรกพร่ำเพรื่อ เลียเบรกตลอดเวลา ซึ่งสร้างความสับสนและก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้จากการเข้าใจผิดเนื่องจากสัญญาณไฟเบรกที่ติดขึ้น

5. หากรถบรรทุกหนักกว่าปกติ ควรเผื่อระยะในการเหยียบเบรกให้มากขึ้น

6. เหยียบเบรกอย่างนุ่มนวล เพราะการเหยียบเบรกกะทันหันหรือรุ่นแรงเกินไปอาจทำให้รถสูญเสียการทรงตัวได้

7. บางสถานการณ์ เช่น การลงเขา ควรใช้เกียร์ต่ำช่วย หากใช้เบรกอย่างเดียวติดกันเป็นเวลานาน จะทำให้ระบบเบรกร้อนจนเกิดอาการที่เรียกว่าเบรกแตกได้

          นอกจากการเหยียบเบรกให้ถูกวิธีเพื่อความปลอดภัยแล้วในแง่ของการขับขี่ สิ่งที่ควรใส่ใจไม่แพ้กันคือการบำรุง ดูแลรักษาระบบเบรกของรถยนต์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ตั้งแต่ เช็กระดับน้ำมันเบรก การเปลี่ยนผ้าเบรกตามสเปกที่ผู้ผลิตกำหนดตามระยะอยู่เสมอ หากพบความผิดปกติในการทำงานของระบบเบรก เช่น มีเสียงดังขณะเบรก เบรกจม หรือเบรกตื้นกว่าปกติ ควรรีบนำรถไปตรวจสอบแก้ไขอย่างเร็วที่สุดด้วยเช่นกัน

Cr.Kapook

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

---